ReadyPlanet.com


ลองอ่านดูซิ ดีมากเลย เกี่ยวกับซิปโป้ด้วย


ฉันอยู่นี่ดนตรีที่รัก(๙) : ถึงเพื่อนเรา-ซิปโป้ที่หายไป

ฉันเซนิดหน่อยตอนเดินออกมาจากห้องน้ำ พอเข้ามาภายในตัวร้าน เสียงเพลงดังกระหึ่มกระแทกเข้าสองรูหู หนุ่มสาวบางโต๊ะลุกขึ้นเต้นกันสนุกสนาน ฉันเอี้ยวตัวหลบสาวน้อยคนหนึ่ง ก่อนจะมาถึงที่โต๊ะ

***โตกำลังลุกขึ้น คงจะไปห้องน้ำเหมือนกัน มันตะโกนแข่งกับเสียงดังของดนตรี
“ ทำไมนานจังวะ ***นึกว่า***หลับคาห้องน้ำไปแล้ว ”
“ เออว่ะ เกือบไปเหมือนกัน ” ฉันล้อมันเล่น
ตัวโตสมชื่อของมันเดินเบียดกลุ่มนักท่องราตรี ออกไปทางห้องน้ำด้านหลังร้าน ฉันหย่อนตัวลงนั่ง รู้สึกคลายความมึนลงนิดหน่อย แต่ด้วยกลัวว่ามันจะหายไปหมด จึงยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มอึกใหญ่

“ ***เริ่มเมาแล้วว่ะ ” ***โจที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามเอ่ยขึ้น
“ ***เพิ่งเริ่มเหรอ ***เมามาตั้งแต่ร้านที่แล้วแล้วว่ะ ” ฉันตอบ หยิบบุหรี่คาบที่มุมปาก

“ เฮ้ยโจ เห็นซิปโป้***มั้ย ? ” ฉันถามหาไฟแช็คซิปโป้
“ ไม่เห็น ” ***โจตอบ หลังกลืนเหล้าลงไปอึกหนึ่ง
“ เมื่อกี้***วางไว้ตรงนี้ ***ไม่เห็นเหรอ ? ” ฉันชี้ไปบนโต๊ะ ข้างๆซองบุหรี่นั่น
“ ไม่เห็น ” มันตอบไปอย่างนั้นเหมือนไม่ได้ใส่ใจ สองตามองไปยังสาวน้อยโต๊ะข้างๆ
“ ***เชิด ***เห็นหรือเปล่า ? ” ฉันหันไปถาม***เชิดพลางใช้มือตบตามกระเป๋าเสื้อ กางเกง เพื่อสำรวจให้แน่ใจว่าฉันไม่ได้เก็บมันไว้เอง
“ เห็นอะไร ? ” มันไม่ได้สนใจฟังเลย
“ ซิป-โป้-***.. ***-เห็น-มั้ย.. ? ” ฉันพูดช้าๆ เน้นเสียงทีละคำ
“ ไม่เห็น เฮ้ย ***ขอบุหรี่ตัวนึง ” มันเคาะบุหรี่ออกมามวนหนึ่ง จุดสูบ พ่นควันยาวเป็นสาย แล้วยื่นไฟแช็คมาให้
“ ***ใช้ของ***จุดไปก่อน ” ฉันมองไฟแช็คพลาสติกสีแดงในมือที่มันยื่นมาให้
“ จุดกับไฟแช็คนี่ สูบแล้วเจ็บคอว่ะ ” ฉันรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ
“ เรื่องมากนักก็ไม่ต้องสูบ ” ***เชิดเก็บไฟแช็คใส่ลงในกระเป๋าเสื้อ ยกเหล้าขึ้นจิบหนึ่ง
“ ***ไปลืมไว้ที่ไหนหรือเปล่า ? ” ***โจหันมาถาม
“ จะที่ไหนวะ ก่อนไปห้องน้ำ ***ยังจุดมันสูบอยู่เลย แล้วก็วางไว้ตรงนี้ ” ฉันเริ่มหงุดหงิด มันจะหายไปได้ยังไง

. . . . . . . . . . . . . . . . . . .

เราทั้งสี่คน ***โจ ***โต ***เชิด และฉันเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่สมัยเรียน จนถึงทุกวันนี้ก็สิบกว่าปีแล้วที่ได้ร่วมหัวจมท้ายด้วยกันมาตลอด ใครหลุดโคจรหรือส่อแววว่าจะออกนอกลู่นอกทางไป คนอื่นๆก็จะช่วยกันประคับประคองกันกลับมา อาจมีทะเลาะเบาะแว้งกันบ่อยๆตามประสา แต่อายุความไม่เคยเกินหนึ่งคืนหนึ่งเมา แม้ใครจะมองการดื่มเหล้าเลวร้ายเพียงใด สำหรับพวกเราแล้ว มันคือการได้มาพบกัน พูดคุย ถามไถ่ถึงกันในหลายเรื่องราว แลกเปลี่ยนความคิดเห็น รับฟังและให้กำลังใจกันในบางครั้ง คำพูดหรือเหตุผลอาจเข้าใจยาก แต่ความรักและมิตรภาพของเพื่อน พวกเราต่างรับรูและเข้าใจเหมือนๆกัน

. . . . . . . . . . . . . . . . . . .

“ ***โตหยิบติดมือไปมั้ง.. ” ***เชิดพยายามสรุป เมื่อรู้สึกได้ถึงความไม่พอใจบางอย่างของฉัน
“ อะไรของ***วะ ซิปโป้อันเดียว ***ก็ใช้ไฟของ***เชิดจุดไปก่อน.. ” ***โจพูดพลางส่ายหน้า
“ ***ไม่สูบ.. ” ฉันเอ่ยเสียงก้าวร้าว ไม่แยแสคำใคร นึกในใจ ‘พวก***แกล้ง***แหง เห็นว่า***เมาแล้วล่ะสิ’

“ ตามใจ*** ลงแดงตายไปเลย ไร้สาระว่ะ.. ” ***โจต่อคำ

ฉันเทเหล้าลงคอรวดเดียวหมดแก้ว ‘สนุกกันนักหรือไงวะ กับ***การได้แกล้งเพื่อนนี่น่ะ ถ้ามันพอดีๆ***ก็ไม่ว่าหรอก แต่นี่***ก็รู้ ***กำลังโกรธอยู่ ทำไมพวก***ยังไม่เลิกเล่นวะ’

พวกเรามักจะแกล้งและอำกันเองเสมอ จนบางครั้งก็เกินเลยไปกลายเป็นต้องโกรธเคืองกันบ้างก็มี ขอแค่มีใครซักคนเป็นต้นคิด ที่เหลือรับมุขกันอย่างอัตโนมัติ เป็นเรื่องเป็นราว

“ ซิปโป้*** อันเท่าไหร่วะ ? ” ***โจเอ่ยถาม หลังจากเงียบไปพักใหญ่
“ อันเท่าไหร่แล้วทำไม ***จะซื้อให้***หรือไง ? ” ฉันตะคอกถาม
“ เออ! ***เห็น***เรื่องมากนัก หายไปแล้ว***จะตายหรือไงวะ ? ” ***โจพูด น้ำเสียงขุ่นเคือง
“ เฮ้ย กินเหล้าเถอะพวก*** ***ว่า***โตนั่นแหละหยิบติดไป ” ***เชิดตัดบท รสเหล้ามันคงเริ่มกร่อยๆ
“ ***อยากได้ก็บอก บอก***คำเดียว***ถวายให้เลย แต่ทำไม***ต้องขโมยด้วยวะ ” ฉันพูดเสียงดัง มองหน้า***โจ
“ พอเถอะ ***เมาแล้ว ถ้าหายจริงๆ***ซื้อให้ใหม่อันนึง ” ***เชิดพยายามกลบเกลื่อนคำพูดของฉันเมื่อครู่นี้
“ ***หาว่า***ขโมยเหรอ ? ” ***โจเอ่ยแทรกขึ้นมา
“ ..!! ” ฉันสบถคำหยาบ
“ นั่นไง ***โตมาแล้ว ***ลองถามมันสิ ” ***เชิดสะกิดฉัน พยักหน้าไปทาง***โตที่เพิ่งเดินมาถึงโต๊ะ
“ เฮ้ยโต ***เอาซิปโป้***จีไปหรือเปล่า ? ” ***เชิดตะโกนถาม โดยไม่รอให้ฉันเอ่ยปาก
“ เปล่า.. ” ***โตตอบขณะนั่งลง ทำหน้างงๆ
“ ***จีมันหาซิปโป้มันไม่เจอ นึกว่า***ถือติดมือไป ” ***โจเอ่ยขึ้น
“ ***ก็เห็นแว้บๆอยู่บนโต๊ะเมื่อกี้นี่นา ” ***โตตอบ หันมามองหน้าฉัน
“ ***ลองหาในกระเป๋าซิ ” ฉันบอก***โต มันอาจหยิบติดมือไปจริงๆ ***โตทำท่าล้วงกระเป๋าไปมา แล้วแบมือสองข้าง ทำหน้าตาที่แสดงว่ามันบริสุทธิ์
“ ช่างแม่งเถอะ ***ไม่สูบแม่งแล้ว ชิบหาย! พวก***สนุกนักหรือไงวะ ” ฉันหงุดหงิด ยกเหล้าดื่มหมดแก้ว กระแทกลงกับโต๊ะเสียงดัง
“ ***ใจเย็นๆสิ ค่อยๆหา ***หาในกระเป๋า***ครบหรือยัง ” ***เชิดพยายามไกล่เกลี่ย
“ ปล่อยแม่งเถอะ แดกเหล้าดีกว่า ไร้สาระว่ะ***.. ” ***โจยื่นแก้วมาข้างหน้า เชิญชวนชนแก้ว ***โต ***เชิดยกแก้วขึ้นชนดังกริ๊ก
“ เฮ้ยจี เดี๋ยวค่อยหา กินเหล้าเถอะ.. ” ***โตหันมาบอก
“ ***ไม่ได้หยิบไปจริงๆนะ ” ฉันยังไม่จับแก้วเหล้า ‘ทำไมต้องไปชนกับพวกมันด้วย เล่นกันเกินไป แม่งน่าจะคืนมาได้แล้ว’

. . . . . . . . . . . . . . . . . . .

สมัยที่ยังเรียนหนังสือ เนื่องจากเราทั้งสี่เป็นเด็กต่างจังหวัด ทางบ้านจะส่งเงินมาให้เป็นรายเดือน หลังจากที่สนุกสนานกับการเที่ยวเตร่ ดื่มเหล้า ออกค้นหาชีวิตสนุกสนานยามราตรีจนเพลิน เงินของทุกคนจึงหมดไปอย่างรวดเร็ว วันที่เกลี้ยงกระเป๋ากันจริงๆ เราสี่คนรวมเงินกันได้ ๒๐ บาท

แบ่ง ๑๐ บาทซื้อข้าวสวยถุงใหญ่ ๕ บาทซื้อไข่ไก่ ๒ ฟอง อีก ๕ บาทที่เหลือ ซื้อขนมจีบแม่ค้าข้างล่างหอพักที่คุ้นเคย ขนมจีบ ๕ บาท ขอผักเครื่องเคียงมาเต็มถุง

น้ำมันร้อนๆ ตอกไข่ไก่ลงในกระทะไฟฟ้า เทผักทั้งหมดที่มีตามด้วยขนมจีบน้อย ๗ ลูก ๕ บาท หอมฟุ้งไปทั่วทั้งหอพัก เราทั้งสี่คนก็รอดตายไปด้วยกันอีกหนึ่งมื้อ..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . .

“ ***คิดว่า***จะเอาของ***ไปจริงๆเหรอวะ ? ” ***โตถามด้วยน้ำเสียงและแววตา
“ ก็นั่งกันอยู่แค่สี่คน ไม่***ก็ใครซักคนล่ะวะ หรือไม่งั้น พวก***ก็รวมหัวกัน” ฉันตอบ เหลือบไปมอง***โจนิดหนึ่ง
“ ใครมันจะเอาไปวะ กะอีแค่ไฟแช็คอันเดียว ” ***เชิดเอ่ยขึ้น กรอกเหล้าลงคออึกใหญ่
“ มันคิดว่า***นั่นแหละ ช่างเถอะ ปล่อยมันอดบุหรี่ให้เป็นบ้าตายไปเลย ” ***โจตอบประชด เอื้อมมือหยิบบุหรี่
“ พวก***นี่ยังไงกัน ทะเลาะกันเป็นเด็กๆ ” ***โตผสมเหล้าแก้วใหม่แล้ว
“ ***ไม่ได้เสียดาย***ซิปโป้อะไรนั่นหรอกว่ะ ***เสียดายบรรยากาศกินเหล้ามากกว่า ***เล่นแกล้งกันยาวๆอย่างนี้ ***ก็เสียอารมณ์ว่ะ ” ฉันเอ่ยน้ำเสียงจริงจัง ***โตเอื้อมมาหยิบแก้วเหล้าไปชงให้

“ ***พอแล้ว กลับดีกว่าว่ะ เซ็งพวก***.. ” ฉันห้ามมือ***โตไว้ แต่พลาดไปปัดแก้วเหล้าตกแตก ทุกคนหันมามอง
“ ***จะบ้าไปถึงไหนวะ แม่งเรื่องแค่นี้ ***น่ะใช้อารมณ์ซะจนชิน ” ***โจตวาดลั่น สีหน้าโกรธจัด มึนคงคิดว่าฉันตั้งใจทำแก้วแตกเพื่อประชดคนอื่นๆ

. . . . . . . . . . . . . . . . . . .

เราทั้งสี่คนคบกันมานาน รู้ลึกซึ้งถึงนิสัยใจคอกันเป็นอย่างดี เอ่ยคำพูดมาสักคำก็เข้าใจทะลุไปถึงข้างในใจ เราผ่านช่วงชีวิตวัยรุ่นมาพร้อมๆกัน และเราต่างก็กำลังเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ บางครั้งเรานั่งคุยกันเงียบๆด้วยเหตุผลและมุมมองแบบผู้ใหญ่ แต่บางครั้งเรายังนั่งดื่มเหล้า หยอกล้อและเล่นกันเหมือนเด็กๆ

เราต่างคนมีเส้นทางของชีวิตที่แตกต่าง มีการงานที่ต้องรับผิดชอบ มีเรื่องราวในชีวิตที่ต้องจัดการและแก้ปัญหา เราเติบโตขึ้นพร้อมกับการถูกฉาบแต้มจากสังคมรอบตัว เพื่อนร่วมงาน และการดิ้นรนในชีวิตประจำวัน เราเปลี่ยนแปลงไปตามบทบาทของหน้าที่และสังคมแวดล้อม

แต่เมื่อคราวที่ได้กลับมาพบเจอกัน เราถอดเปลือกเหล่านั้นออกจนหมดสิ้น เปลือยทุกความรู้สึก เราพูดคุย ถามไถ่ถึงสิ่งที่ได้พบเจอ ปลอบโยนและซ้ำเติมกันอย่างรู้ใจและเข้าใจ ด้วยความเป็นเพื่อน บางความห่วงใย เราจึงไม่ต้องแปลความหมายใดๆออกมาเป็นคำพูดเลย

ฉันเคยนั่งคิด ในวันหนึ่งที่เราแก่ชราลงไปด้วยกัน เราจะกลับมานั่งคุยกันถึงเรื่องอะไรบ้าง

. . . . . . . . . . . . . . . . . . .

“ เฮ้ย ***จีมันไม่ได้ตั้งใจ ช่างมันเถอะ ไป.. กลับก็กลับพร้อมกัน ” ***เชิดรีบบอก รู้นิสัยใจคอและอารมณ์ของทุกคนในตอนนี้ดี
“ ***แดกกันต่อเถอะ ***กลับคนเดียวก็ได้.. ” ฉันลุกขึ้น ล้วงกระเป๋าหลังจะหยิบกระเป๋าสตางค์ พลันสะดุดสัมผัสวัตถุเรียบมันขนาดเหมาะมือ ไฟแช็คซิปโป้..

ฉันยืนนิ่ง มือยังค้างอยู่ในกระเป๋า มองหน้า***โจที่เมินหันไปทางอื่น ***โตกำลังเรียกน้องเด็กเสิร์ฟมาช่วยเก็บเศษแก้ว ***เชิดมองเห็นฉันนิ่งไป เอ่ยขึ้น
“ ลืมกระเป๋าตังค์อีกสิ***? ไปเถอะ เดี๋ยวพวก***จัดการเอง ”

“ ***เจอแล้วว่ะ..ซิปโป้***.. ” ฉันเอ่ยเสียงเบา แต่ทุกคนหันมาแทบจะพร้อมกัน ฉันยังนิ่งอยู่ในท่าเดิม ไม่กล้าขยับตัวแม้แต่นิดเดียว

***เชิดยิ้มแล้ว เมื่อมองเห็นหน้าตาเจื่อนๆและอาการแข็งทื่อของฉัน ***โจหัวเราะเสียงดังแทบจะตกเก้าอี้ แววตาโกรธขึ้งเมื่อครู่นี้หายไปอย่างสิ้นเชิง ***โตหันมามองแล้วส่ายหน้า ช่วยน้องเด็กเสิร์ฟเก็บเศษแก้วต่อ

ฉันยังไม่ขยับไปไหนจนกระทั่ง***เชิดดึงตัวให้นั่งลง ***โจลุกขึ้นเดินมาตบหัวฉันเบาๆทีหนึ่ง ก่อนจะเดินเลยไปทางห้องน้ำ ***โตสั่งแก้วใบใหม่ผสมเหล้ามาวางไว้ตรงหน้า

ฉันยกแก้วเหล้าขึ้นจรดปาก ดื่มลงไปอึกใหญ่ ล้วงซิปโป้สีเงินวาววางลงบนโต๊ะ หันไปหา***เชิด
“ เชิด.. ***ขอยืมไฟแช็ค.. ” ฉันเอ่ย ***เชิดล้วงในกระเป๋าเสื้อ ยื่นไฟแช็คพลาสติกสีแดงมาให้ ทำหน้างงๆ
“ ทำไม***ไม่ใช้ซิปโป้สุดรักของ***ล่ะ ใช้ของ***สูบแล้วเจ็บคอนี่..” ***เชิดเอ่ยถาม
“ ***อยากใช้ของเพื่อนว่ะ.. ”

เขียนโดย จี-รา

จาก winbookclub



ผู้ตั้งกระทู้ คนขอปลดหนี้ :: วันที่ลงประกาศ 2006-07-03 08:58:47 IP : 58.10.158.242


ก่อนหน้า1ถัดไป

ความคิดเห็นที่ 1 (525878)

ดีครับ อ่านหนุกๆ แต่ไม่ต้องเซ็นเซอร์ก็ได้ครับ เป็นเรื่องเล่าปล่อยให้มันมีซะบ้างไม่ว่ากันครับ  พอเซ็นเซอร์แล้วมันอ่านไม่ค่อยลื่นครับ

ขอบคุณครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ETAN วันที่ตอบ 2006-07-03 09:27:05 IP : 125.25.58.229


ความคิดเห็นที่ 2 (526005)
ไม่ได้เซ็นเซอร์นะครับ เอามาตามต้นฉบับนะครับ คิดว่าบอร์ดคงโพสต์บางคำไม่ได้มากกว่า อย่างคำว่า GU *** *** เลยดูไม่ค่อยลื่นเท่าไหร่ ยังไงก้อขอบคุนสำหรับคำเสนอแนะครับ 
ผู้แสดงความคิดเห็น คนขอปลดหนี้ วันที่ตอบ 2006-07-03 10:32:49 IP : 58.10.158.112


ความคิดเห็นที่ 3 (526024)

...........................................................

“ ...ถ้ามีวันไหน
มันร้ายมันเลวแค่ไหน
อย่างน้อย ยังมีเพื่อนฝูง
ที่เขายินดี คอยยืนเคียงข้าง
จะทุกข์ร้อน ไม่สิ้นทาง... “ - ถึงเพื่อนเรา -

...........................................................


เพลง ถึงเพื่อนเรา ของไมโคร อยู่ในอัลบัม เต็มถัง พ.ศ. ๒๕๓๒
ฟังเพลง ถึงเพื่อนเรา ได้ที่
http://www.gmember.com/music/search_song/index.php?searchkeyword=&searchfrom=&pg=101
(เพลงลำดับที่ ๔๐๓๕ คลิกรูปลำโพงสีแดงด้านขวามือ)

ปล.ลำดับเพลงอาจเปลี่ยนแปลง ให้ดูตัวอักษรของชื่อเพลง

เขียนโดย จี-รา

ดีใจที่ท่านนั่งลงเขียนได้แล้ว!

ข้าพเจ้าเชื่อว่า "ทักษะ" ในการสื่อสารกับมวลมนุษย์ กับ สรรพสัตว์
เราล้วนพัฒนาขึ้นได้ จากการหมั่นเอาใจใส่ในรายละเอียด ฝึกฝน
ผ่านการลองผิด-ลองถูก แล้วสรุป-ประมวลผล

สายตาตี่ ๆ ของข้าพเจ้ามองเห็นโลก เป็นโลกใบเดียว
หาได้แยก โลกจริง โลกเสมือน โลกจำลอง โลกสนธิ โลกแมว

ไม่เคยต้องถามตัวเองว่า สายตาไหนหลอกลวง ชื่อไหนปลอม ยิ้มไหนซ่อนกระบี่

ล้วน "ทักษะ" เป็นตัวกลั่นกรองแยกแยะในนามของ "สัญชาตญาณ"

หลังจากต่อสู้กับ สัตว์ต่างสายพันธุ์ กับธรรมชาติ มาตลอดหลายพันปี
มนุษย์ก็พบว่า ศัตรู ที่ร้ายกาจที่สุดก็คือ มนุษย์ด้วยกันเอง

หลังจากนั้น มนุษย์ ก็พยายามพัฒนาทักษะในการติดต่อ เอาชนะ ป้องกันภัย จากมนุษย์
เลห์เหลี่ยม กลโกง ถูกพัฒนาขึ้น ก็พร้อมกันกับวิธีป้องกัน

เราล้วนศึกษาทั้งสองด้าน
เพื่อป้องกัน การถูกมนุษย์ด้วยกัน หลอนหลอก ล่อลวง ทำร้าย
แต่อะไรจะเป็นตัวยืนยัน ~ว่าเราจะไม่ใช้มันเสียเอง~

"จิตใจที่ดีงาม"

ยินดีที่ท่านเลือก ควัก "ซิปโป้" ออกมา และ ยอมรับมัน
ไม่หลอกสังคม อันดับแรก
ที่สำคัญคือ "ไม่หลอกตัวเอง"

นั่นคือคำตอบ ไม่เช่นนั้น ท่านก็จะ หลงวนเวียนหลอกสังคม หลอกตัวเองไปเรื่อย ๆ สุดท้ายก็มีความสุขอยู่กับมัน ขาดไม่ได้ พัฒนาทักษะที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ การหลอกตัวเองก็ลงลึกลงเรื่อย ๆ จนหมดทางกลับสู่ภาวะปกติ

แต่ไม่ต้องห่วงท่าน

ไม่ว่าท่านจะเลือกด้านไหน
สุดท้าย ผู้ที่ใช้ทักษะในการมอง ล้วนมองออก
จริง ๆ เชื่อข้าพเจ้าสิ ไม่ได้โม้!


"ไม้ขีดไฟ" (ตราพญานาค).............................................................................

ปล.๑ บอก ***โจ ให้ด้วย ฝากด้วย ทีนึง ขอแรง ๆ หน่อย

ปล.๒ ท่านไม่ต้องกัววล ซิปโป้ อยู่กับท่านไม่นานหรอก ฮา ฮา (หาย)

ปล.๓ เจ้าหนูข้างบนเนี่ย ยังไงอยู่นะท่าน "งานของท่าน ยังคงเป็นท่านเหมือนเช่นเคย"
ท่านว่า "ชมหรือแขวะ" ? ฮา ฮา ฮา
(นางฟ้าตัวน้อยของข้าพเจ้า คงกลัวข้าพเจ้าจะหูตาฝ้ามัว มองไม่เห็น เลยมาเบิ้ล ฮา ฮา)

ปล.๔ คิดว่า ทัศนะนี้ ตอบคำถามในใจท่านได้บ้างไม่มากก็น้อย ข้าพเจ้ามีบ้างเคยเบื่องาน ทั้ง ๆ ที่เป็นงานที่เรารัก ปรากฎว่ามัน เหนื่อย มัน ล้า น่ะ นอนพักสักครู่ ฟื้นขึ้นมาก็กลับไปสนุกกับงานอย่างเดิม...ท่านว่ามั้ย?

เขียนโดย ธุลีดิน

เป็นเสียงจุดไฟ จาก "ซิปโป้" ที่ไพเราะที่สุด! ในชีวิต ของ ข้า-เจ้า เท่าเคยที่ได้ยิน ...

/

"เพื่อน" ให้ "ซิปโป้ทองคำ" กับ เจ้านาย ของ ข้า-เจ้า มา ๑ กล่อง ..
สีเหลืองอร่าม สุกหนักไปด้วย ....."มูลค่า"
เจ้านาย ยื่นส่ง แล้วบอก ..."ผม ให้ คุณ"

ข้า-เจ้า ส่ายหน้าปฏิเสธแกมสงสัย? ..............ทำไม? ถึงให้ เรา นะ!
เจ้านาย ลบหน้าแกมสังสัย นั้นออกไป ด้วยคำว่า "ผม ไม่ ได้ ใช้" ในทันที!
ซึ่งเป็น "คำตอบเดียวกัน" ที่ เขา ได้ยินจากปาก ข้า-เจ้า ก่อนหน้านั้นเพียง ๑ วิฯ

/

"คุณค่า" อยู่ ณ หนไหน ?
อยู่ที่ "ของ" สิ่งนั้น คือ อะไร ?
หรือ "ของ" สิ่งนั้น ใช้ อะไรได้ ?

-- - -- - -- - -- - -- - -- -

ขอบคุณ "เพื่อน"
ภาพแห่งมิตร ที่ คิดถึง ยามใด ..
ข้า-เจ้า ให้ได้เสียน้ำตา ยามนั้น ..

"เพื่อนเอย" 

เขียนโดย Goodman

จาก winbookclub

ผู้แสดงความคิดเห็น คนขอปลดหนี้ วันที่ตอบ 2006-07-03 10:46:06 IP : 58.10.158.112


ความคิดเห็นที่ 4 (526244)
แจ่มมครับบ หายในกระเป๋ายังดีนะ    ผมหายในแท็กซี่  เหอะๆๆ   นี่แหละครับ ความรู้สึกเมื่อตอนเราอยู่กับเพื่อนที่รู้ใจกัน
ผู้แสดงความคิดเห็น ท๊อป/๐๗๓ วันที่ตอบ 2006-07-03 12:51:56 IP : 124.121.105.159



ก่อนหน้า1ถัดไป


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล *
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.