Share

           ตอนเป็นนักเรียน ผมเป็นคนที่ไม่สูบบุหรี่  แต่พอเรียนจบแล้วทำงาน เพื่อนที่ทำงานเค้าสูบกันหลายคน เลยเริ่มสูบบุหรี่ตั้งแต่นั้นมา (เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี) เมื่อ 16 ปีก่อนผมเคยทำงานที่ ฮาร์ดร็อกคาเฟ่  สมัยนั้น เวลาที่ลูกค้าเปิดเหล้ามักจะมีของแถม มีลูกค้าประจำคนหนึ่ง เปิดเหล้าไปหลายขวด และได้ของแถมเป็นไฟแช็ก ซิปโป้ หลายอัน ไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไรตั้งเยอะแยะแถมยังเป็นลายเดียวกันหมด เลยเป็นโชคดีของผม ลูกค้าคนนั้นนั่งอยู่ใกล้ที่ผมทำงาน เลยยื่นไฟแช็ค ซิปโป้ ให้ผมอันหนึ่ง นั่นเป็นไฟแช็ก ซิปโป้ตัวแรกของผม ผมดีใจมากเพราะอยากได้มานานแล้ว แต่ไม่รู้จะไปซื้อที่ไหนดี พอได้ใช้เข้าจริงๆ ถึงได้รู้ว่าไฟแช็กนี่ มันช่างวิเศษจริงๆ ไม่ธรรมดา ยิ่งใช้ยิ่งติดใจ เจอคนที่ใช้ ซิปโป้เหมือนกัน เค้าก็จะสอนวิธีเล่นท่าให้ เลยยิ่งชอบเข้าไปอีก  

สำหรับผมแล้ว  จำได้ว่ามื่อตอนสมัยเด็กๆ เวลาไปเที่ยวบ้านแม่ที่ต่างจังหวัด และได้เจอลุงของผม คุณลุงเป็นคนที่ชอบสูบยาเส้น แล้วมวนด้วยใบจาก เวลาเห็นลุงจะสูบยาเส้นทีไร พอลุงมวนยาเส้นเสร็จ ก็จะนำไฟแช็กสีเงิน อันประจำที่ลุงพกไว้ติดตัวเสมอขึ้นมาจุด พอได้ยินเสียงไกลๆ ก็รู้แล้วว่าลุงกำลังจะสูบยาเส้น ยิ่งพอเข้าไปใกล้ๆ จะได้กลิ่นหอมๆ แปลกๆ (บางคนก็ว่าเหม็น) ถึงได้รู้ว่าเป็นกลิ่น (น้ำมัน) จากไฟแช็กของลุงนั่นเอง  ไปหาลุงทีไรก็เห็นใช้ไฟแช็กอันเดิมทุกที กี่ปีกี่ปีก็ไม่เคยเปลี่ยน 

วันหนึ่ง ก็เหมือนทุกครั้งที่เจอลุงเห็นลุงกำลังจุดยาเส้น จึงเอ่ยปากถามลุงว่า “เนี่ยมันคือไฟแช็กอะไรกัน เห็นคุณลุงใช้มาตั้งนานแล้ว มาทีไรเห็นใช้แต่ไฟแช็กอันนี้ทุกที” ลุงจึงตอบว่า “เค้าเรียกว่าไฟแช็ก ซิปโป้ เป็นไฟแช็กที่ลุงรักมาก ใช้มานานแล้ว ไม่เคยเสีย เวลาขี่มอเตอร์ไซค์ อยากจะจุดก็ไม่ต้องกลัวว่ามันจะดับ แถมพกไปไหนมาไหน เวลาใช้ ก็มีแต่คนมอง (สาวๆ) ใครไม่มีใช้ก็เชยแย่เลยหล่ะ (สมัยนั้น)” ว่าแล้วลุงก็เลยโชว์ท่าเปิดและจุดไฟแช็ก ที่เท่ห์มากให้ผมดู ดูไปก็ชอบใจไป หัวเราะลั่น แล้วบอกให้ลุงทำให้ดูอีก  ภาพนั้นยังติดตาผมมาตลอด

               วันหนึ่งพอรู้ข่าวว่าจะมีทหารอเมริกันมาลงที่พัทยา เป็นพันๆคน ทางฮาร์ดร็อกจึงได้ส่งผมไปเปิดร้านขายของชำร่วยชั่วคราวที่บริเวณริมหาดพัทยา ตอนนั้นรู้สึกแปลกใจมากว่าทำไมชาวเล และพ่อค้าที่อยู่แถวนั้นถึงได้ทำอะไรกันแปลกๆ บางร้านพวกทหารอเมริกันไม่จำเป็นต้องใช้เงินสดในการซื้อของ เพียงแค่มีไฟแช็กซิปโป้เท่านั้นก็สามารถนำมาแลกกันสินค้าบางอย่าง เช่นเสื้อยืด ของชำร่วย หรือจ่ายแทนค่าบริการ ค่าอาหารได้เลย ผมเลยเอาบ้าง เพราะอยากได้ โดยปกติเรือรบทุกลำของอเมริกัน จะต้องมีของที่ระลึกประจำเรือด้วย เช่นหมวก เข็มกลัด แน่นอนหนึ่งในนั้นก็คือไฟแช็กซิปโป้ที่มีตราสัญลักษณ์ของเรือลำนั้นๆ และมั่นใจได้ว่าเป็นของแท้แน่นอน สรุปว่าช่วงเวลาประมาณ 5 วัน ผมได้ไฟแช็กซิปโป้มา 3 อัน แบบแทบจะต้องแย่งกันเพื่อให้ได้มา

หลังจากนั้นผมก็เริ่มสนุกกับการสะสมไฟแช็กซิปโป้ เลยตั้งเป้าหมายการเก็บสะสมไว้ว่าทุกเดือน พอเงินเดือนออกก็จะไปเดินห้าง หรือสวนจตุจักร เพื่อจะหาซื้อไฟแช็กซิปโป้มาเก็บไว้ให้ได้อย่างน้อยเดือนละอัน บางเดือนถ้าเงินเดือนเหลือน้อยจริงๆ ก็ต้องงดไปก่อน ทำอย่างนี้ติดต่อกันมาประมาณ 2-3 ปี จนมีซิปโป้อยู่ประมาณ 30 อัน ตอนนั้นรู้สึกภูมิใจมาก แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ซิปโป้ในตลาดเมืองไทยก็เริ่มไม่มีแบบใหม่ๆ ให้สะสม เนื่องจากเป็นช่วงที่ตัวแทนนำเข้าเก่าก่อนหน้าตัวแทนในปัจจุบันเกิดปัญหา และยุติการนำเข้า ผมก็เลยไม่รู้ว่าจะไปซื้อที่ไหนดี เผอิญตอนนั้นโชคดี ได้ไปทำงานที่ญี่ปุ่น เวลาวันหยุดก็จะไปเที่ยวเดินช้อปปิ้งในโตเกียว ที่โตเกียวผมแทบจะไม่เชื่อสายตา ที่โน่นเป็นเหมือนสวรรค์ของนักสะสมซิปโป้เลย มีแบบให้เลือกเป็นพันเป็นหมื่นแบบ ทั้งของเก่าหายาก ของใหม่เจ๋งๆ แบบที่มีขายเฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ราคาก็ไม่ใช่เล่นๆ เหมือนกันจะซื้อทีต้องคิดแล้วคิดอีก เอาที่มันเข้าตาจริงๆ และราคาไม่แพงมากเกินไป สรุปว่าไปอยู่ที่ญี่ปุ่น 6 เดือนได้มาอีกหลายอัน

หลังจากนั้นเมื่อมีโอกาสได้ไปต่างประเทศ ไม่ว่าจะประเทศไหนก็จะไปเสาะหาไฟแช็กซิปโป้ที่ขายในประเทศนั้นๆ หรือบางทีก็ฝากเพื่อนที่เดินทางบ่อยไปซื้อให้ อีกไม่กี่ปีต่อมาเลยมีเป็นร้อย

จนเมื่อหลายปีก่อนตอนลาออกจากบริษัทญี่ปุ่นที่เคยทำงานอยู่ และมีเงินเก็บอยู่พอสมควร เลยตัดสินใจที่จะทำกิจการของตนเอง และเป็นสิ่งที่เราชอบ และถนัด เลยรวบรวมเงินที่มีอยู่แล้วบินไปญี่ปุ่นอีกครั้งเพื่อไปติดต่อกับร้านค้าส่งซิปโป้ ที่นั่น และได้เพิ่มมาอีก ประมาณ 300 อัน แล้วก็ไปกว้านซื้อตามร้านที่เราเคยรู้จักในเมืองไทย แต่ส่วนใหญ่จะเป็นแบบที่ซ้ำกับที่เราเคยมี แต่ก็ไม่เป็นไรในเมื่อเราตั้งใจจะซื้อมาขายอีกที  เลยเหมามาหมดเลย รวมๆแล้วตอนที่เปิดร้านตอนนั้นมีไฟแช็กซิปโป้ทั้งหมดประมาณ 600 กว่าอัน ซึ่งผมคิดว่าร้านของผมน่าจะเป็นร้านที่มีไฟแช็กซิปโป้มากที่สุดในเมืองไทยเลยก็ว่าได้ แต่ก็ต้องมาเจอปัญหาของที่ขายก็ขายก็ไม่ค่อยดี ค่าเช่าก็แพง ร้านของผมจึงต้องมีอันปิดไป ตอนที่ปิดร้านและต้องนำของทั้งหมดกลับมาที่บ้าน ตอนนั้นรู้สึกเสียดายมาก เสียดายลูกค้าที่ดีดี ชมรมก็เพิ่งเริ่มทำได้ไม่นาน แต่ที่ทำใจไม่ได้ก็คือไฟแช็กบางอันที่เราเก็บมานานๆ ก็ต้องจำใจขายไป  เพื่อให้้มีเงินมาหมุนซื้อของใหม่เข้ามา และจ่ายค่าเช่า คิดไปคิดมาสู้เลิกขายดีกว่า เก็บของเอาไว้แล้วกลับมาทำงานที่บ้านดีกว่า ของที่เรารักก็ยังอยู่กับเรา หลังจากนั้นก็เลยหยุดการเคลื่อนไหวทุกอย่าง ไม่มีการซื้อไฟแช็กเข้ามาใหม่เลยประมาณ 3 ปี แต่ก็มีลูกค้าอีกหลายคนยังติดต่อกันอยู่

แต่ตอนนี้ดูเหมือนสิ่งต่างกำลังเริ่มจะดีขึ้น ธุรกิจที่ทำอยู่ก็ไปได้ดี มีเวลามากขึ้น แต่ผมก็ยังไม่เคยลืมไฟแช็กซิปโป้ของผม ทุกวันนี้จึงเริ่มหาซื้อซิปโป้เพื่อมาเก็บสะสมอีกครั้งหนึ่งหลังจากหยุดไปสามปี คราวนี้เริ่มวางแผนการสะสมมากขึ้น หลังจากได้ไปค้นคว้าหาความรู้เกี่ยวกับซิปโป้เพิ่มเติมจึงเปลี่ยนระบบการสะสมใหม่ เป็นการหาของที่หายากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นของเก่า คลาสสิก แต่ราคาค่อนข้างแพง จากการซื้อ-ประมูล มาจากต่างประเทศ ทำให้ตอนนี้ผมกลับมาสนุกกับการสะสมซิปโป้อีกครั้งหนึ่ง

ช่วงที่เริ่มสะสมตอนแรกผมไม่ได้มีหลักเกณฑ์ในการสะสมอะไรมาก เห็นอันไหนที่ชอบก็ซื้อเลย ไม่ต้องดูอะไรมาก ขอให้ชอบ และเป็นของแท้ก็พอแล้ว เลยมีเกือบทุกแบบ  สำหรับคนที่คิดจะเริ่มสะสมของอะไรก็แล้วแต่ควรจะหาจุดยืนของตัวเองให้เจอเสียก่อน ศึกษาให้รู้อย่างแท้จริงก่อนที่จะเริ่มต้น จะได้ไม่ต้องเสียเงินเสียเวลามากเกินไป

            ในบทความต่อไปนี้ผมจะกล่าวถึงเคล็ดลับในการสะสมไฟแช็กซิปโป้ ที่มีแบบและประเภทมากมาย ให้คุณสามารถสะสมไปอย่างไม่มีวันจบสิ้น ถ้าคุณลองสะสมไฟแช็กซิปโป้อย่างจริงจัง รวบรวมได้ตั้งแต่รุ่นที่ผลิตปีแรก จนกระทั่งถึงปัจจุบัน ประมาณ 70 กว่าปี ได้ทุกแบบทุกประเภทรวมกันแล้ว คุณอาจจะต้องใช้รถ 10 ล้อมาขนของทั้งหมดที่คุณมีเพราะคุณจะเป็นคนที่มีไฟแช็กมากที่สุดในโลก นับได้เป็นแสนเป็นล้านอันเลยเชียวหล่ะ แต่ถ้าหากมาแยกเป็นประเภทแล้วคุณอาจจะได้ใช้รถคันเล็กลงในการขน แล้วก็จ่ายเงินน้อยกว่า แต่ได้ใบแบบที่คุณต้องการมากกว่า  ประเภทของการสะสมสามารถแยกออกเป็นประเภทหลักๆ ได้เป็น 2 ประเภท ดังต่อไปนี้

 

ประเภทที่ 1 ได้แก่แบบที่ไม่มีลวดลายใดๆ  แบ่งออกเป็นอีกหลายชนิดตามลักษณะของพื้นผิว เช่น 

1. ชนิดพื้นผิวสีเงินมันเงา (High Polish Finish) ซึ่งมีทั้งสีเงิน Chrome ทอง Brass ทองแดง Rose Gold 

2. ชนิดผิวด้านหน้าและหลังแบบด้าน แต่ด้านข้างขัดเงา (Brushed Finish) มีสีเงิน Chromeและทอง Brass

3. ชนิดพ่นทราย (Satin Finish) น่าจะมีสีเงินสีเดียว รุ่นนี้ผลิตขึ้นมาหลังสองรุ่นแรก

4. ชนิดที่ทำจากเงินแท้ (925 Sterling Silver) จะระบุคำว่า Sterling และปีที่ผลิต เป็นตัวเลข เช่น 1992 ที่ก้นด้วย ราคาจะค่อนข้างแพงหน่อย

5. ชนิดที่ทำจากทองเค มีทั้ง 10K GF (Gold Filled คือการหุ้มด้วยทองคำ 10K ไม่ใชเป็นทองเคทั้งหมด หรือที่บ้านเราเรียกว่า "กาหลั่ย" ขออภัยหากสะกดผิด) แต่ถ้าไม่ได้ระบุคำว่า Gold Filled เช่น14K 18K เฉยๆ อันนี้ก็จะเป็นแบบที่มีส่วนผสมของทองคำอยู่ด้วยทั้งตัวตลับ ซึ่งเปอร์เซ็นต์ของทองจะมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับตัวเลขข้างหน้า ทั้ง 3 แบบจะระบุคำว่า 10K GF (Gold Filled) 14K และ18K ด้วยที่ก้น รุ่นนี้จะมีราคาขึ้นแพงตามเปอร์เซ็นต์ของทอง โดยเฉพาะรุ่น 18K ราคาว่ากันเป็นแสนเลย

6. ชนิดชุบเงิน (Silver Plate) มีสีเงินเงางามเหมือนเงินแท้ บางแบบจะมีการระบุถึงความหนาของเงินที่เคลือบด้วย มีหน่วยเป็นไมครอน รุ่นนี้คนจะเข้าใจผิดกันมากว่าเป็นเงินแท้ ให้สังเกต คำว่า  Silver Plate ที่กล่องบรรจุ หรือที่ก้นถ้าเป็นเนื้อเงินจริงๆ จะต้องมีคำว่า Sterling เท่านั้น ถ้าไม่มีก็แสดงว่าไม่ใช่

7. ชนิดชุบทอง (Gold Plate) เหมือนกับรุ่นเคลือบเงิน แต่จะมีสีทอง การสังเกตคล้ายกันกับรุ่นเงิน

8. ชนิดที่ทำจากไททาเนียม และเคลือบไททาเนียม  ชนิดนี้เพิ่่งผลิตได้ไม่นาน

9. ชนิดเคลือบแพลทตินั่ม (Platinum Coated) เพิ่งผลิตได้ไม่นานเหมือนกัน และน่าจะมีเฉพาะที่ญี่ปุ่น

การสะสมไฟแช็กซิปโป้ประเภทที่  1 นั้นมักจะสะสมโดยใช้ปีที่ผลิตเป็นเกณฑ์ ซึ่งมีความสนุกและท้าทายมากในการเสาะหา เนื่องจาก วิวัฒนาการของแต่ละปีที่ผลิตจะแตกต่างกันไป (รายละเอียดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของตัวตลับซิปโป้นี้จะมาบอกทีหลังนะครับเพราะค่อนข้างยาวและละเอียดมาก) วิธีนี้ต้องอาศัยความชำนาญในการสังเกต และต้องศึกษาอย่างละเอียดถึงความแตกต่างของแต่ละรุ่น แต่ละปี โดยอาศัยดูที่ก้น (ดูบทความวิธีตรวจสอบปีที่ผลิต Bottom Stamps & Date Codes)  และในบางรุ่นอาจจะต้องดูถึงวัสดุที่นำมาผลิต และรูปทรงด้วย รุ่นที่เก่ามากๆ ก็จะมีราคาแพงมาก อย่างเช่นรุ่นแรกที่ผลิตสู่ท้องตลาด ที่มีสภาพดีๆ ราคาอาจจะถึงครึ่งล้านเลยทีเดียว เนื่องจากเป็นของหายากและเป็นที่นิยมของนักสะสมเลยมีการผลิตแบบย้อนยุคขึ้นมา (REPLICA) ซึ่งนักสะสมจะต้องระวังให้ดี ถึงแม้จะผลิตย้อนยุคแต่ผู้ผลิตก็จะทำให้มีความแตกต่างจากของจริงเพื่อไม่ให้เกิดความสับสน จึงมีการระบุคำว่า REPLICA และ/หรือ ปีที่ผลิตไว้ด้วย

อีกแบบหนึ่งที่น่าสะสมคือซิปโป้ที่ผลิตในแคนาดา เป็นของแท้เหมือนกันแต่จะระบุสถานที่ผลิตที่ก้นต่างจากรุ่นที่ผลิตในอเมริกาแทนที่จะเป็น  Bradford PA. Made in USA ก็จะเปลี่ยนเป็น  Niagara Falls, Ontario แทน รุ่นนี้ในเมืองไทยจะไม่ค่อยมี เพราะไม่มีคนนำเข้ามาขาย คาดว่าในอนาคตอาจะมีราคาสูงได้ เนื่องจากในปัจจุบันโรงงานในแคนาดาได้ยุติการผลิตไปแล้ว

ประเภทที่ 2 คือประเภทที่มีลวดลาย ตัวอักษร ภาพที่มีสีสัน ลายแกะสลัก ยี่ห้อ หรือ โลโก้ของบริษัทห้างร้าน สินค้าแบรนด์เนม รูปคน สัตว์ต่างๆ  กีฬา  ดารา นักร้อง การ์ตูน กองทัพ หรือสัญลักษณ์ของประเทศต่างๆ เป็นต้น  ประเภทนี้ก็จะมีพื้นผิวที่เป็นพื้นฐานแบบประเภทที่ 1 แต่จะเพิ่มสีสันมากขึ้นและราคาอาจจะแพงมากกว่า ถ้าผลิตปีเดียวกัน เนื่องจากมีลวดลายและต้นทุนการผลิตสูงกว่ารวมทั้งสามารถบอกเรื่องราวของแต่ละยุคแต่ละสมัยได้มากกว่า ประเภทนี้ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคลที่สะสมแบบไหน ลายไหน แต่สามารถแบ่งได้อีกหลายชนิดเช่นกัน

1. ชนิดที่มีลวดลายสัญลักษณ์พิเศษ ซิปโป้เป็นไฟแช็กที่ผลิตมากว่า 70 ปี ดังนั้นจึงมีแบบลวดลายต่างมากมายเป็นหมื่นเป็นแสนแบบ มากที่สุดในโลก ไม่ว่าจะเป็นลายตัวอักษรชื่อย่อ ลายโมโนแกรม ลายโฆษณาสินค้า เช่นรถยนต์ เหล้า บุหรี่ สายการบิน อาหาร เครื่่องดื่ม เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น เพราะในสมัยก่อนเวลาถึงช่วงเทศกาล บริษัทต่างๆ จะนำของขวัญไปให้ลูกค้า ดังนั้นเพื่อให้ลูกค้าจำได้จึงต้องใส่ลวดลายที่เป็นสัญลักษณ์ของบริษัท ต่างๆ เหล่านั้นเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์สินค้าหรือบริษัทไปในตัว ดังนั้นจึงถือได้ว่าซิปโป้เป็นสื่อโฆษณาอีกอย่างหนึ่งที่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ดีเลยที่เดียว  ส่วนรุ่นที่ออกมาเป็นชุดๆ ก็เป็นที่นิยมของนักสะสมอย่างมากเช่นเดียวกัน เช่นชุด (Series) เกี่ยวกับกีฬา  สัตว์ต่างๆ  ที่ระลึกในโอกาสพิเศษ เช่น คริสมาส วาเลนไทน์  และงานฉลองครบรอบต่างๆ  โดยเฉพาะอีกรุ่นที่มีความนิยมอย่างมากได้แก่รุ่นที่เป็นการ์ตูนของดีสนีย์ เช่นมิคกี้เมาส์  โดนัลด์ ดั๊ก เพราะเมื่อประมาณปี 1980 ดีสนีย์มีนโยบายต่อต้านการสูบบุหรี่ ดังนั้นสินค้าทุกอย่างที่เกี่ยวกับบุหรี่จึงถูกระงับการจำหน่ายในทันที ทำให้ไฟแช็กที่มีสัญลักษณ์ต่างๆ ของดีสนีย์ จึงเป็นที่ต้องการอย่างมากในหมู่ของนักสะสมทั่วโลก และราคาก็สูงขึ้นตามไปด้วย เลยมีคนนำไฟแช็คซิปโป้ของแท้ที่ผลิตในช่วงปีนั้นๆ มาแกะลายหรือพิมพ์ลายเลียนแบบ ดังนั้นจึงต้องระวังให้ดี ถ้าเป็นของดีสนีย์แท้ๆ ต้องมีคำว่า © Walt Disney Productions เท่านั้น ถ้าเป็นคำอื่นไม่ใช่ของแท้แน่นอน

2. ชนิดที่ผลิตจำนวนจำกัด (Limited Edition) ชนิดนี้ยังสามารถแบ่งได้อีกเป็น 3 กลุ่มย่อย

กลุ่มแรกคือกลุ่มที่ผลิตออกมาเพื่อเป็นอนุสรณ์ และที่ระลึก ตัวอย่างเช่นรุ่นฉลองครบรอบต่างๆของผู้ผลิตซิปโป้เอง เช่นรุ่นครบรอบ 25 ปี ที่ผลิตขึ้นมาขายเฉพาะในปี 1957 เท่านั้น และจะเลิกผลิตแบบนั้นๆไปเลย  อีกรุ่นที่น่าสนใจคือรุ่นพิเศษสำหรับสะสมของแต่ละปี (Collectible of The Year) ซึ่งในปีปีหนึ่ง จะออกมาเพียงแบบหรือชุดเดียว และจะจำหน่ายเฉพาะในปีนั้นๆ รุ่น Collectible of The Year นั้นเริ่มมีการผลิตครั้งแรกคือปี 1992 จนถึงปี 2002

ปี 1992 ชื่อ Zippo’s 60^th Anniversary รุ่นนี้จะเป็นสีรมดำ มีโลโก้ทำมาจากดีบุก (Pewter) เหมือนเหรียญอยู่บนตัวตลับ ออกมาเพื่อฉลองครบรอบ 60 ปี บรรจุในกล่องโลหะที่มีลายฉลอง 60 ปี ภายในกล่องจะเป็นกำมะหยี่สีเลือดหมูสำหรับวางไฟแช็คก รุ่นนี้มีการทำตัวถังสี และวัสดุอื่นอีกด้วย แต่จะไม่นับรวมกันกับแบบนี้ทีเป็น Collectible of The Year      

ปี 1993 ชื่อ “1935 Varga Girl” เป็นรุ่นที่ทำมากจากตัวถังสีเงินขัดเงา (High Polish Chrome) โดยที่มีตราสัญลักษณ์ วินดี้ (Windy) ซึ่งเป็นผู้หญิงกำลังยืนจุดบุหรี่ และโดนลมพัดแรงๆจนประโปรงปลิวทำด้วยดีบุก Pewter ด้านล่างมีตัวหนังสือ “1935 VARGA GIRL” ด้วย บรรจุในกล่องโลหะสีขาวนวลๆ พิมพ์ลาย windy สีเทา-ดำ ภายในกล่องจะเป็นกำมะหยี่สีดำสำหรับวางไฟแช็ก

ปี 1994 ชื่อ D-Day Commemorative Zippo ฉลองครบรอบ 50 ปีของการยกพลขึ้นบก สมัยสงครามโลก ทำจากรุ่น Black Crackle สีดำหยาบๆ โดยมีเหรียญโลหะทองเหลือง เขียนว่า D-DAY , Normandy, 50 Years 1944-1994  อยู่บนตัวตลับ บรรจุในกล่องโลหะสีทองรูป วงกลม มีโลโก้ D-DAY ภายในกล่องจะเป็นกำมะหยี่สีดำสำหรับวางไฟแช็ก และยังมีทำเป็นชุดสี่อันสีทองเหลืองออกมาคู่กับรุ่นนี้ด้วย ใช้ชื่อชุดว่า “Allied Heroes Set”  ทั้งสี่อันจะแกะลายหน้านายทหารระดับนายพลที่มีชื่อเสียงในช่วงสงครามโลกและแถมพวงกุญแจภายในชุดด้วย บรรจุในกล่องลายเดียวกันแต่ใหญ่กว่า ภายในกล่องจะเป็นกำมะหยี่สีดำสำหรับวางไฟแช็ก

ปี 1995 ชื่อชุด Mysteries of the Forest ในชุดใหญ่จะมีสี่อัน ตัวเรือนเป็นสีทองเหลืองมีลายสี่สีที่เคลือบบนแผ่นโลหะแล้วนำมาติดบนตัวไฟแช็ก แต่ละลายก็จะต่างกันไปเกี่ยวกับป่า แต่พอมารวมกันแล้ว จะกลายเป็นรูปหน้าเสือ อย่างสวยงาม ชุดนี้จะบรรจุในกล่องโลหะสี่เหลี่ยมลายเดียวกันกับไฟแช็กเป็นลายป่าสีออกเขียวๆ  ส่วนตัวเดี่ยวในรุ่นนี้ชื่อ Single Panther & Cup at Turtle Falls Companion Zippo Lighter เป็นลายต่อเนื่องจากชุดใหญ่ตัวบนด้านซ้ายที่ขยายออกมา โดยมีรูปเสือดำและน้ำตก (ถ้าในชุดใหญ่จะเห็นแค่ตาเสือดำเล็กๆ) ใส่กล่องลายเดียวกันกับชุดใหญ่แต่ขนาดเล็กกว่าภายในกล่องจะเป็นกำมะหยี่สีดำสำหรับวางไฟแช็ก

ปี 1996 ชื่อชุด Zippo Salutes Pin Up Girls เป็นชุดที่มีสี่อันทำด้วยตัวถังสีเงินขัดเงา มีลายสี่สีที่เคลือบบนแผ่นโลหะแล้วนำมาติดบนตัวไฟแช็ก แต่ละลายจะเป็นรูปผู้หญิงเซ็กส์ซี่่ Pin Up Girls สี่ฤดู  Summer, Winter, Autumn และ Spring บรรจุในกล่องโลหะแปดเหลี่ยม พิมพ์ลายสาวๆทั้งสี่คนบนฝากล่อง สำหรับตัวเดี่ยวของชุดนี้คือ Joan Pin Up Girl โทนสีม่วง บรรจุในกล่องโลหะทรงแปดเหลี่ยมแต่ขนาดเล็กกว่า โดยพิมพ์ลายเดียวกับตัวไฟแช็ก  ภายในกล่องจะเป็นกำมะหยี่สีเทาสำหรับวางไฟแช็ก

 ปี 1997 ชื่อ 65^th  Anniversary Commemorative Zippo Lighter ทำจากไฟแช็กรุ่น Vintage Series ที่มีลักษณะ เหลี่ยม คือด้านหัวจะแบนเรียบ สีเงินขัดเงา High Polish Finish มีโลโก้ที่สวยงามทำด้วยดีบุก Pewter ติดอยู่บนด้านหน้า บรรจุในกล่องโลหะที่มีลวดลายกราฟฟิค เกี่ยวกับสัญลักษณ์ต่างๆ ของซิปโป้อย่างสวยงามสีแดง ดำ และโลโก้ฉลอง 65 ปีด้านหน้า ภายในกล่องจะเป็นกำมะหยี่สีดำลายตารางสำหรับวางไฟแช็ก

ปี 1998 ชื่อ Zippo Car Lighter รถยนต์โฆษณาซิปโป้ ได้สร้างขึ้นใช้ในช่วงทศวรรษที่ 40-50 แต่ในปี 1997 ได้ทำขึ้นมาใหม่ ดังนั้นจึงนำเอารถยนต์โฆษณามาทำเป็นโลโก้ดีบุก แล้วนำมาติดบนตัวซิปโป้ ซึ่งชุดนี้จะแถมพวงกุญแจลักษณะเหมือนป้ายทะเบียนรถทำจากดีบุก มาด้วย บรรจุในกล่องโลหะรูปสี่เหลี่ยม พิมพ์ลายรถยนต์โฆษณาซิปโป้สี่สีด้านหน้า ภายในกล่องจะเป็นกำมะหยี่สีดำสำหรับวางไฟแช็ก และ พวงกุญแจ

               ปี 1999 ชื่อ Y2K Millennium Lighter รุ่นนี้ผลิตขึ้นมาเพียง 100,000 อัน และจำหน่ายในอเมริกาจำนวน 40,000 อัน ส่วนที่เหลืออีก 60,000 อันได้กระจายไปทั่วโลก โดยแกะลายบนตัวไฟแช็คเป็นรูปโลก และมีคำว่า ONE WORLD, ONE FUTURE  บรรจุในกล่องโลหะสี่เหลี่ยมค่อนข้างบางกว่ารุ่นอื่น พิมพ์ลายลูกโลก สี่สี   

ปี 2000 ชื่อ Keeper of The Flame รุ่นนี้ก็ผลิตขึ้นมาเพียง 100,000 อัน มีลักษณะพิเศษคือสีแนว Earth Toned โดยใช้ไฟแช็กรุ่นหน้าหลังด้าน ข้างเงา  Brush Finish Chrome มาทำ และนำโลโก้ที่ทำมาจากหนังแท้ปั๊มอัดลายรูปไฟแล้วใส่กรอบทองเหลืองสีแอนติกมาติดบนตัวตลับ บรรจุใบกล่องโลหะทรงกลมมีฝาสีน้ำตาลลายเดียวกับทีติดบนตัวไฟแช็ค ภายในกล่องจะเป็นกำมะหยี่สีน้ำตาลอ่อนสำหรับวางไฟแช็ก

ปี 2001 ชื่อ Hollywood’s Leading Light  อันดับที่ 10 ของแบบ Limited Edition Series ทำบนตัวตลับสีทองเหลืองแอนติก มีโลโก้รูปดาว แบบที่่อยู่บนถนนในฮอลลีวู้ด บรรจุในกล่องโลหะรูปดาว มีคำว่า ZIPPO และรูปกล้องถ่ายหนังบนฝากล่อง ภายในกล่องจะเป็นกำมะหยี่สีดำสำหรับวางไฟแช็ก

ปี 2002 ชื่อ Friends For A Lifetime น่าเสียดายที่แบบนี้เป็นรุ่นสุดท้ายสำหรับ Limited Edition Collectible of The Year รุ่นนี้ออกมาเพื่อฉลองครบรอบ 70 ปีพอดี  ผลิตออกมาจำหน่ายเพียง 70,000 อันเท่านั้น ไฟแช็กรุ่นนี้มีอะไรพิเศษหลายอย่าง คือตัวตลับสีทองเหลือง แต่ทำจากไฟแช็กที่ทำเป็นทรงเหมือนกับรุ่นที่ผลิตในปี 1941 คือมีลักษณะที่ไม่มีมุมแหลมเลย และจะหนากว่ารุ่นปกติธรรมดาเล็กน้อย ก้นเรียบแบน เรียกว่าเลียนแบบปี 1941 เกือบทั้งหมด ซึ่งเป็นรุ่นที่นิยมกันมากในญี่ปุ่น บนฝาด้านหน้ามีตัวเลข 1932-2002 ด้านล่างมีโลโก้ฉลอง 70 ปี ในกล่องยังแถม Pocket Book เล่มเล็กๆ ที่มีบทความของผู้ที่สะสมหรือผู้ที่มีประสบการณ์ดีดีเกี่ยวกับซิปโป้นำมาพิมพ์ด้วย น่าอ่านมาก บรรจุในกล่องโลหะทรงสี่เหลี่ยม พิมพ์รูปหน้าคนเล็กๆ เต็มไปหมด เพื่อสื่อว่าซิปโป้เป็นเพื่อนที่ดีตลอดมา  ภายในกล่องจะเป็นกำมะหยี่สีดำสำหรับวางไฟแช็กและPocket Book

           ไม่เพียงเท่าที่กล่าวมานี้เท่านั้นยังมีรุ่นพิเศษที่ผลิตออกมาเพื่อฉลอง หรือ รำลึกถึงเหตุการณ์สำคัญต่างๆของโลกเช่น รุ่นที่ระลึกสงครามโลกครั้งที่สอง  รุ่นฉลองการเดินทางไปดวงจันทร์และเหยียบดวงจันทร์เป็นครั้งแรก เป็นต้น

กลุ่มที่สอง คือกลุ่มรุ่นที่ผลิตจำหน่ายในตลาดเฉพาะแห่ง ซึ่งจะมีเฉพาะประเทศที่มีคนนิยมไฟแช็กซิปโป้มากๆ เช่นญี่ปุ่น และฝรั่งเศส ซึ่งจะผลิตให้มีลักษณะพิเศษเพื่อขายในประเทศนั้นๆ โดยเฉพาะ เช่นญี่ปุ่นจะทำเป็นแบบฐานเรียบตรง ไม่มีขอบ (คนไทยเรียกรุ่นตูดตัน) ซึ่งเผอิญไปเหมือนรุ่นเก่าๆบางรุ่น จนทำให้ผู้ขายของเก่ามือสองหลายท่านเข้าใจผิดว่าเป็นของเก่าหายาก แต่ที่แท้จริงก็คือแบบที่ผลิตให้กับญี่ปุ่นนี่เอง ส่วนของทางฝรั่งเศสจะมีการพิมพ์โลโก้ zippo ที่เฟืองด้านใน เป็นต้น ซิปโป้ในกลุ่มนี้บางรุ่นก็ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษโดย ทิพพานี่ และ คาร์เทียร์  ซึ่งจะแตกต่างจนอาจจะดูไม่ออกเลยว่าเป็นซิปโป้ และยังใช้วัสดุที่มีราคาแพงมาทำอีกด้วยเช่นทองคำ หรือเงิน

และกลุ่มที่สาม  เป็นกลุ่มที่ผลิตตามใบสั่งจากลูกค้า เช่นที่เมืองไทยก็จะสั่งผลิตลายแบบไทยๆ ที่สื่อถึงความเป็นไทย หรือซิปโป้ของฮาร์ดร็อคคาเฟ่ที่ผลิตระบุชื่อเมืองต่างๆ ที่มีร้านของฮาร์ดร็อคคาเฟ่ อยู่ หรือว่าสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ ก็สามารถสั่งผลิตเพื่อเป็นที่ระลึกของสถานที่นั้นๆได้เช่นกัน 

            3. ชนิดที่ผลิตสำหรับกองทัพ (Military Zippo)  ซิปโป้ เป็นของใช้สำคัญสำหรับทหารอเมริกัน ที่จะขาดเสียไม่ได้ เพราะไม่ใช่เป็นเพียงแค่ไฟแช็กสำหรับจุดบุหรี่เท่านั้น แต่ยังสามารถนำมาเป็นไฟส่องทาง ใช้เป็นที่ให้ความอบอุ่นกับมือ หรืออาจเป็นแม้กระทั่งสิ่งที่ช่วยให้รอดชีวิต เคยมีทหารบางคนโดนยิงแต่ไม่ตายเพราะโดนยิงไปถูกซิปโป้ที่ใส่ในกระเป๋าเสื้อของทหารคนนั้น ทำให้เขารอดชีวิตมาได้พร้อมกับหัวกระสุนที่ติดอยู่บนตลับซิปโป้  ซิปโป้ชนิดนี้ได้เริ่มนำมาใช้ตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง โดยทหารอเมริกันเป็นผู้นำชื่อเสียงของซิปโป้ให้กระจายไปอยู่ทั่วโลก โดยมีการ ทำสัญลักษณ์ต่างๆออกมา สำหรับทุกเหล่าทัพ ทุกหน่วยรบ เรือรบ เครื่องบินรบ และรถถังเป็นต้น  ซิปโป้ที่มีสัญลักษณ์ของเรือรบ และเครื่องบินรบนั้น เป็นอีกรุ่นหนึ่งที่น่าสะสมเช่นกัน  แต่ก็ไม่ใช่จะมีเพียงแค่นั้น ยังมีซิปโป้เกี่ยวกับสงครามอีกมากมายที่ยังให้คุณสะสมได้อีก  ซิปโป้ในช่วงสงครามเวียดนามก็เป็นอีกชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมาก มีลักษณะที่โดดเด่นคือการแกะสลักแบบหยาบๆ ดูแล้วขลังดี แต่ชนิดนี้ก็เป็นอีกชนิดหนึ่งที่มีการทำของเลียนแบบเป็นจำนวนมาก ซึ่งต้องระวังให้ดีอีกเช่นกัน

             4. ชนิดที่ผลิตออกมาแล้วมีรายละเอียดภายนอกแตกต่างจากรุ่นปกติ (Variations in Finish) ได้แก่รุ่นที่มีพื้นผิวแตกต่างออกไปเช่นลายไม้ฉาบพลาสติก (Wood –grain Vinyl Finish) ลายยีนส์ (Demin-look Finish) การพิมพ์ลายบนตลับสไตล์ชาวเวนิส (Venetian)  การแกะสลักโดยใช้เครื่อง (Engine Tuned Finish) รุ่นที่ใช้แผ่นอะครีลิกมาติดบนตลับ (Ultralite) รุ่นที่มีห่วงรูปตัว U ร้อยติดกับสลักบานพับ สำหรับร้อยเชือกหรือโซ่ กับไฟแช็คเพื่อป้องกันการสูญหาย (U Ring) ถ้าเป็นห่วงสามเหลี่ยมที่ยื่นออกมาจากจากสลักบานพับเรียกว่า (Loss Proof) รุ่นนี้ผลิตมาเป็นพิเศษสำหรับนักกีฬาจึงมีสัญลักษณ์ต่างเกี่ยวกับกีฬาปรากฏอยู่บนตัวตลับด้วย

          5. ชนิดสลิม บางเรียว เล็ก (Slim Zippo) ชนิดนี้ออกจำหน่ายครั้งแรกเมื่อปี 1965 เป็นไฟแช็กที่เหมาะสำหรับสุภาพสตรี ที่มีรูปร่างเล็กกะทัดรัด  พกพาสะดวก มีแบบให้สะสมทั้งสองประเภทที่กล่าวมา ทั้งมีลาย และไม่มีลาย แต่ลายที่จะให้เลือกอาจจะน้อยกว่าแบบมาตรฐาน ถึงจะตัวเล็กแต่ราคาไม่ได้เล็กลงตามตัวนะครับเพราะว่าในแบบที่มีพื้นฐานเดียวกันอย่างเช่น รุ่น 200 Brushed Chrome และรุ่น 1600 Slim Brushed Chrome นั้นจะมีราคาที่เท่ากันเลย 

            ในความคิดของผมชนิดสลิมนี้อาจจะใช้งานไม่ดีเหมือนแบบมาตรฐาน เพราะไม่สามารถกันลมได้ดีเท่าแบบมาตรฐาน เสียงก็จะไม่ดังเท่าไหร่(เล็กตามตัว) และน้ำมันหมดเร็วเนื่องจากมีพื้นที่ในการเก็บกักน้ำมันน้อยกว่า แต่ก็น่ารักน่าสะสมเหมือนกัน ตัวเล็กกว่าก็ย่อมเก็บน้ำมันได้น้อยกว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่ยังไงก็คือซิปโป้อยู่ดี

             6. ชนิดตั้งโต๊ะ (Table Lighter) หลังจากเริ่มผลิตซิปโป้ขนาดพกพาได้ประมาณ 5 ปี ผู้ผลิตจึงได้เริ่มผลิตไฟแช็กแบบตั้งโต๊ะเป็นครั้งแรก มากว่า 60 ปีแล้ว ไฟแช็กซิปโป้แบบตั้งโต๊ะนี้รุ่นเก่าๆ หาได้ยากมากในประเทศไทย เพราะไม่มีใครเอาเข้ามาขายไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่าไหร่ แต่สำหรับผมรุ่นตั้งโต๊ะนี้เป็นรุ่นที่น่าสะสมมากที่สุด ทั้งสวย ทั้งแปลกตา  ยิ่งหายากยิ่งท้าทายดี แต่มีออกมาเพียงไม่กี่แบบเท่านั้น

แบบบาร์คร็อฟ (Barcroft)  The #10 ลักษณะเป็นทรงสูงเหมือนตึก มีทั้งหมด 4 รุ่น

รุ่นแรก (The First Table Lighter, Barcroft) เริ่มผลิตหว่างปี 1938 – 1941 มีความสูงมากที่สุด ในบรรดาไฟแช็กตั้งโต๊ะทั้งหมดของซิปโป้ คือ 4 นิ้วครึ่ง มีช่องระบายอากาศ 14 รู  รุ่นนี้ที่ฐานจะเป็นเหมือนขั้นบันไดขั้นเดียว และมีตัวถังด้านในใหญ่มาก ซึ่งมีความจุมากกว่ารุ่นธรรมดาถึงสี่เท่า ใช้หมายเลขโมเดลว่า #10 จึงเป็นที่เรียกกันอย่างแพร่หลายว่า The #10

รุ่นที่สอง (The Second Barcroft) หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Deluxe All Purpose Table Lighter เริ่มผลิตในปี 1947 ความสูงจะลดลงเหลือ 4.25 นิ้ว รุ่นนี้ที่ฐานจะเป็นเหมือนขั้นบันได 2 ขั้น และมีตัวถังด้านในเล็กลงกว่ารุ่นแรกรุ่นแรก แต่ยังสามารถจุน้ำมันได้มากกว่ารุ่นธรรมดาถึงสามเท่ากว่า มีบานพับที่ใหญ่มาก และมีที่สำหรับเก็บไส้สำรองด้านในของก้นตัวถังนอก มีการตีตรา ZIPPO และ PAT.2032695 เฉพาะตัวในเท่านั้น

รุ่นที่สาม (The Third Barcroft) เริ่มผลิตทดแทนรุ่นสอง ในปี 1950 ความสูงจะลดลงอีกหนึ่งนิ้ว จึงเหลือเพียง 3.25 นิ้ว แต่ยังใช้ตัวถังด้านในแบบใหญ่อยู่ ความจุจะลดลงเหลือ 2 ใน 3 ส่วนของรุ่นที่สอง 

รุ่นที่สี่ (The Fourth Barcroft) หลังจากผลิตรุ่นที่่สามได้ไม่นาน ผู้ผลิตจึงเปลี่ยนแผนการผลิต อาจจะเป็นเพราะเพื่อความสะดวกจึงเปลี่ยนมาใช้ตัวถังด้านในแบบเดียวกับไฟแช็กสำหรับพกพา แต่ขนาดและลักษณะภายนอกยังเหมือนรุ่นที่สาม รุ่นนี้มีระยะเวลาการผลิตยาวนานที่สุด คือตั้งแต่ปี 1953 จนถึงปี 1979

แบบเลดี้แบรดฟอร์ด (Lady Bradford) เป็นแบบที่มีเส้นโค้งเส้นเว้าสวยงามมาก ตัวถังทำมาจากโรเดียม (Rhodium โลหะชนิดหนึ่งในตระกูลทองคำขาว) เริ่มผลิตในปี 1949 ซึ่งในแบบที่ผลิตในปี 1949 นั้นจะเป็นแบบที่ไม่มีชายที่ฐาน และมีตัวถังด้านในแบบใหญ่  หลังจากนั้นได้เปลี่ยนเป็นแบบมีชายที่ฐาน และใช้ตัวถังด้านในเช่นเดียวกันกับไฟแช็กพกพา ในปี 1950 และเลิกผลิตในปี 1951 รวมผลิตแบบนี้แค่สองปีเท่านั้น

 แบบโมเดิร์น และ แบบคอรินเธียน (Moderne and Corinthian)  แบบโมเดิร์นมีลักษณะเป็นทรงกระบอก คล้ายๆกับไฟฉายคว่ำ ส่วนแบบคอรินเธียนนั้นมีลักษณะคล้ายๆ ถ้วยแก้วบรั่นดี ทั้งสองแบบมีฝาและส่วนบนของตัวถังด้านในขนาดใกล้เคียงกันกับแบบสลิม  เริ่มผลิตและจำหน่ายในปี 1960 แบบโมเดิร์น มี 3 ลักษณะพื้นผิว คือ สีดำ + โรเดียม (Black & Rhodium Model), โรเดียมพ่นทรายไม่เงา (Satin Finish Rhodium Model) และ โรเดียมขัดเงา (Bright Rhodium Model) ส่วนแบบคอรินเธียน ก็มี 3 ลักษณะพื้นผิวเช่นกัน คือ สีฟ้าเทอคอยส์ + โรเดียม (Turquoise and Rhodium Model), โรเดียมขัดเงา (Bright Finish Rhodium) และ สีมุข + โรเดียม (Pearlescent Rhodium Finish) ทั้งสองแบบนี้ได้ยุติการผลิตในปี 1966

แบบแฮนดิไลท์ (Handilite) หลังจากที่แบบบาร์คร็อฟได้เลิกผลิตในปี 1979 แบบแฮนดิไลท์จึงได้เข้ามาแทนที่ แบบนี้เป็นการผสมผสานระหว่างไฟแช็กพกพาขนาดธรรมดา กับ ฐานที่มีลักษณะคล้ายกับฐานของแบบคอรินเธียน โดยนำเอาฐานมายึดติดกับก้นของไฟแช็กจากด้านในของตัวตลับ และในช่วงหนึ่งผู้ผลิตยังได้มีบริการนำฐานมาติดกับไฟแช็กอันโปรดของลูกค้าด้วย แต่มีข้อแม้ว่าต้องเป็นรุ่นที่ผลิตหลังจากปี 1946 เท่านั้น  วิธีสังเกตปีที่ผลิตของแบบนี้ ก็ใช้วิธีเช่นเดียวกันกับไฟแช็คแบบพกพา

แบบเลดี้บาร์บาร่า (Lady Barbara) ในการฉลองครบรอบ 65 ปี เมื่อปี 1997 ผู้ผลิตได้ผลิตไฟแช็คตั้งโต๊ะแบบนี้ขึ้นเพื่อระลึกถึงแบบคลาสสิกที่ผลิตระหว่างปี 1949 – 1951 (Lady Bradford) โดยทำฐานแบบนี้จากดีบุก และมีโลโก้ครบรอบ 65 ปีอยู่ที่ด้านหน้าของฐาน และได้นำไฟแช็กแบบพกพาขนาดธรรมดา ที่มีสีเคลือบเงินแอนติก (Antique Silver Plate)มาใส่ในฐาน ซึ่งสามารถถอดแยกออกมาใช้งานได้

นอกจากซิปโป้จะผลิตไฟแช็กแบบเติมน้ำมันแล้ว ยังมีสินค้าอื่นที่หลากหลายให้เลือกสะสม อาทิเช่น ไฟแช็กแก๊ส ตลับเมตร ไฟฉาย มีด ปากกา นาฬิกา แว่นตากันแดด ตลับใส่ยา ที่เขี่ยบุหรี่ทั้งแบบตั้งโต๊ะและพกพา เสื้อ หมวก รองเท้า ประเป๋า เข็มขัด  หรือแม้กระทั่งป้ายโฆษณา หรือกระป๋องใส่น้ำมันรุ่นต่างๆ ให้สะสม อีกเป็นจำนวนมาก 

คราวนี้อยู่ที่คุณแล้วล่ะว่าจะเลือกสะสมแบบไหนดี และจะเสาะหามาจากที่ไหน คุณค่าของสิ่งของทุกๆ สิ่งย่อมมีอยู่ในตัวของมันเอง ไม่ว่าคุณจะสะสมอะไรควรจะศึกษาค้นคว้าให้รู้อย่างถ่องแท้เสียก่อน อย่าให้ใครมาหลอกเราได้ และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ผมอยากที่จะทำชมรมคนรักซิปโป้ในเมืองไทยนี้ขึ้นมา เพื่อรวมรวบผู้ที่มีใจ หรือเริ่มมีใจที่จะสะสมแล้วในตอนนี้ มาไว้ด้วยกัน ไว้คอยแนะนำให้คำปรึกษาปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับไฟแช็คซิปโป้ ขอเชิญทุกๆคนนะครับ

TIP OF THE DAY  >>> ALWAYS STORE LIGHTERS WITHOUT FLINTS  SOME DAY YOU WILL BE HAPPY YOU DID.....ไม่ควรใส่ถ่านไว้ในไฟแช็กเมื่อไม่ต้องการใช้งานเป็นเวลานานๆ หรือเพื่อการเก็บสะสม ไม่ต้องถามว่าทำไม แต่เชื่อผมเถอะ แล้วสักวันหนึ่งคุณจะดีใจหากคุณได้ทำตามและได้รู้ว่าทำไม........

                                                                                                   ETAN  09/05/06

 สมัครสมาชิกชมรมซิปโป้แห่งประเทศไทย
คลิกที่นี่
 http://www.zippadeedoo.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=378472&Ntype=1